ห้องข่าว

ข่าวล่าสุด

L&E ตั้งเป้ารายได้โต 15-25% ทยอยรับรู้งานในมือ 1.2 พันลบ.

24 Feb 2021

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -24 ก.พ. 64 13:55 น.
 

"ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์(L&E)" ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 15-25% ส่งซิกแนวโน้มธุรกิจปรับตัวดีขึ้น ผลจากการเลื่อนส่งมอบงานเข้ามาในปีนี้ และทยอยรับรู้งานในมือ 1,200 ลบ. พร้อมเดินหน้าลุยโปรเจ็ก IoT ตอบโจทย์งานภาครัฐและเอกชน ล่าสุดโชว์งบปี 63 มีรายได้ 2,412 ลบ. กำไร 37.1 ลบ. พร้อมจ่ายปันผล 0.075 บาทต่อหุ้น

นายอนันต์ กิตติวิทยากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E เปิดเผยว่า ตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 64 เติบโต 15-25% โดยเชื่อว่าธุรกิจในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา จากการรับรู้รายได้ของงานในมือ ปัจจุบันมีอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานที่เลื่อนมาจากปี 63 และคาดจะรับรู้ทั้งหมดในปีนี้

โดยยังคงโมเดลธุรกิจ “Total Lighting Solution Provider” เพื่อสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับบริการที่ดีที่สุดและสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ภายใต้กระแสเศรษฐกิจดิจิทัลที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ บริษัทฯ จะยังคงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับ IoT ซึ่งบริษัทฯ ได้พัฒนาจนกล่าวได้ว่าอยู่ในขั้นแนวหน้าของประเทศ มีผลงานในด้านนี้จำนวนมาก เช่น สมาร์ทซิตี้ ที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โคมไฟถนนอัจฉริยะที่วังจันทน์ วัลเลย์ จังหวัดระยอง และโคมไฟฟ้าโซล่าร์อัจฉริยะรอบสนามบินจำนวน 22 แห่ง ของกรมท่าอากาศยาน เป็นต้น และมีแนวโน้มว่าธุรกิจด้านนี้กำลังเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

สำหรับผลประกอบการงวดปี 63 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 2,412 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 297 ล้านบาท หรือลดลง 11% เป็นผลจากธุรกิจต่าง ๆ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ชะลอการลงทุนและซื้อสินค้าจากบริษัทลดลง รวมทั้งราคาต่อหน่วยสินค้าบางรายการต้องปรับตัวลดลง นอกจากนี้ยังมีงานโครงการจำนวนหนึ่งมูลค่าประมาณ 256 ล้านบาท ที่ลูกค้าขอเลื่อนการรับมอบงานจากปี 2563 ไปเป็นปี 2564

บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสำหรับงวด 37.1 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 35.1 ล้านบาท หรือลดลง 49% เป็นผลจากกำไรขั้นต้นจากการขายรวมรายได้ลดลง 156.7 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการขายและให้บริการลดลง และอัตรากำไรขั้นต้นได้ปรับตัวลดลงจาก 34.5% ในปี 2562 เป็น 32.2% ในปี 63 เนื่องจากบริษัทฯ ได้ขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าในสัดส่วนที่ลดลง

รวมทั้งมีสินค้าบางรายการต้องปรับราคาขายลง ในขณะที่การลดต้นทุนผลิตกระทำได้น้อยกว่า โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมดอกเบี้ยจ่ายลดลง 109 ล้านบาท เป็นผลจากค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามผลการดำเนินงานได้ปรับตัวลดลง และค่าใช้จ่ายในการเดินทางและส่งเสริมการขายลดลง ซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 12.8 ล้านบาท และส่วนที่เป็นของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบ 0.2 ล้านบาท

บริษัทฯ ให้ความสําคัญกับการเติบโตที่ยั่งยืน โดยมีนโยบายรักษาวินัยทางการเงิน และจะรักษาสัดส่วน D/E ที่เหมาะสม ไม่ให้เกิดปัญหาความเสี่ยงจากการลงทุนมากเกินไป อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงคำนึงถึงผู้ถือหุ้นเป็นหลัก แม้ผลประกอบการปี 63 จะลดลง แต่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นสมควรพิจารณาจ่ายเงินปันผลงวดปี 63 ในอัตรา 0.075 บาทต่อหุ้น